




I PAINT IT BLACK1999 คือ นิทรรศการเดี่ยวของศิลปินรุ่นใหม่ ชญานนท์ ใจหาญ ที่สะท้อนถึงตัวตนของศิลปินมากที่สุด ในนาม THE 1999 — บทเปิดใจที่เปลือยความรู้สึกอย่างหมดเปลือก เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้เห็นถึงตัวตนที่ลึกที่สุดของศิลปิน ถ่ายทอดผ่านความรู้สึกของการต่อสู้กับความเจ็บปวด อย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบังด้วยวิธีการที่สุดโต่ง ราวกับพาเราดำดิ่งสู่ห้วงลึกของจิตวิญญาณ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจแห่งความจริง
ในตอนนี้ชญานนท์กำลังเผชิญบททดสอบแห่งชีวิตที่หนักหน่วงที่สุด เขาเผยให้เห็นถึงความรู้สึกที่แท้จริง—ความเดียวดาย ความเศร้า และการหลงทางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผลงานของเขาปรากฏเป็นภาพเหมือนตนเองและภาพกึ่งนามธรรมอันหม่นมืด สร้างสรรค์ลงบนวัสดุที่พอจะหาได้รายล้อมตัวเขาในขณะนั้น ทว่ามันกลับสะท้อนถึงความบอบบาง ความแหว่งวิ่น และความไม่สมบูรณ์ในชิ้นงานนั้นเอง กลับกลายเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดสายตาและความรู้สึกของผู้ชม
เบื้องหลังภาพเหล่านี้ คือการที่ศิลปินเฝ้ามองชีวิตของมารดาผู้เป็นที่รักค่อย ๆ เลือนหายจากโลกด้วยโรคมะเร็ง เขาไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่าการคอยอยู่เคียงข้าง จับมือ ป้อนอาหาร และดูแลเธอทุกลมหายใจที่เหลืออยู่ ในขณะที่ความเจ็บปวดเหล่านั้นถูกกลั่นกรองและไหลรินออกมาเป็นงานศิลปะ
นิทรรศการนี้ยังเผยให้เห็นการดิ้นรนในชีวิตประจำวันของศิลปินผู้มีพรสวรรค์ ซึ่งในบางเวลาตัวเขาเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะจ่ายค่าเช่าในแต่ละเดือนได้อย่างไร ไม่มีทุนสำหรับวัสดุในการสร้างสรรค์ผลงาน และแม้แต่การทานอาหารในแต่ละมื้อยังเป็นเรื่องยากเย็น แต่ด้วยแรงปรารถนาที่จะสร้างสรรค์ผลงานจากแรงผลักดันที่อยู่ลึกภายในจิตใจยังคงขับเคลื่อนเขาอยู่ งานที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของเขาก็ยังคงโหมแรงอยู่เสมอ
ชญานนท์มิได้เดินอยู่เพียงลำพังในเส้นทางนี้ เขาแบ่งปันชะตากรรมร่วมกับคนรุ่นเดียวกันอีกมากมาย ผลงานของเขา แม้จะสะท้อนถึงอารมณ์ส่วนตัว แต่ความมืดมนของงานกลับถูกบอกผ่านงานศิลปะเป็นภาษาที่ทุกคนเข้าใจได้
เราทุกคนล้วนอยากหลีกหนีจากความไม่จีรังของสิ่งรอบตัว ทว่ากลับพบเจอมันอยู่เสมอ เราจะรับมืออย่างไร เมื่อรู้ว่าบางสิ่งจะสูญสิ้นไปอย่างไม่มีวันกลับ โดยเฉพาะเมื่อสิ่งที่หายไปจากชีวิตเราตลอดการคือผู้คนที่เรารักเหนือสิ่งใด
แล้วเราจะก้าวต่อไปได้อย่างไร เมื่อต้องอยู่ห่างไกลบ้าน จะรับมืออย่างไรเมื่อความโดเดี่ยวมันหนักหนาเกินไป จะทำอย่างไรเมื่อไม่มีแม้แต่คนที่จะคอยรับฟัง คนที่นอนข้างกัน หรือแม้แต่คนที่คอยกุมมือ ร่างกายเจ็บร้าวจากน้ำตาที่หลั่งริน ไม่ขาดสายในความอ้างว้างจากระยะทาง และความทรงจำที่ค่อย ๆ เลือนราง ขณะที่ความโหยหาความอบอุ่นนั้นกลับก่อตัวขึ้น
ชญานนท์ ใจหาญ เกิดความตระหนักในห้วงชีวิตนี้ได้ว่าว่าเขากำลัง “หลงทาง” ทว่าสิ่งเหล่านี้กลับเป็นเรื่องที่งดงาม เพราะมีเพียงแต่ผู้ที่ยอมรับในสิ่งนี้ได้เท่านั้น จึงจะค้นพบบางสิ่ง และเขาก็จะพบมันอย่างแน่นอน

