เขียนเมื่อ 09 ก.ค. 2563
ถอดบทเรียนสำคัญ !
การพัฒนารูปแบบอีเว้นท์แห่งอนาคต
จากเสวนาออนไลน์ Business As Unusual
สถานการณ์ “วิกฤต” อาจเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบต่างหวาดกลัวและหลีกเลี่ยงที่จะพบเจอ แต่ในขณะเดียวกันการมาถึงอย่างไม่ทันตั้งตัวของโควิด – 19 นั้นส่งผลให้ทุกฝ่ายต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตครั้งสำคัญที่สร้างอิมแพครุนแรงต่อโครงสร้างเศรษฐกิจ แม้ในตอนนี้สถานการณ์ของการแพร่ระบาดจะคลี่คลายลงไปมากแล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า โควิด – 19 ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่ยังคงวนเวียนและส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจไม่ใช่น้อย เพราะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและอาจลดทอดความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อ “อุตสาหกรรมอีเว้นท์” ที่ต้องเร่งหาหนทางการปรับตัวอย่างหนัก เพื่อพาให้ธุรกิจอยู่รอดและยังคงความสามารถในการแข่งขันต่อไปได้
หากแต่ว่าการเผชิญหน้ากับวิกฤติในครั้งนี้ ยังมีความไม่แน่นอนและยากที่จะคาดเดา จึงเกิดเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของผู้ประกอบการที่จะต้องแสดงศักยภาพและพิสูจน์ฝีมือ ว่าธุรกิจนั้นมีความพร้อมและสามารถตั้งรับต่อสถานวิกฤตได้เป็นอย่างดี โดยหนึ่งในทักษะด้าน “การดีไซน์หรือการออกแบบ” กลยุทธ์ของธุรกิจ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่เปรียบเสมือนหนทางออกให้กับผู้ประกอบการ ที่ไม่ว่าจะวิกฤติไหนก็ยังคงรอดพ้นไปได้ เพราะความสามารถในการพัฒนาแนวทางและการวางแผนงานที่เท่าทันทุกความเปลี่ยนแปลง
โดยเสวนาออนไลน์ของ TEDx ร่วมกับ WeWork ในตอน “Business As Unusual - Are Virtual Events the Future?" เป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ ที่คุณเอกคณิต จันทร์สว่าง (CEO & Co-founder, Eventpass) ผู้ให้บริการด้านบริหารงานอีเว้นท์และเอ็กซิบิชั่น ซึ่งโลดแล่นอยู่ในวงการ Event Services มาอย่างยาวนาน ได้มาร่วมเปิดเผยถึงเทคนิคการดีไซน์และการพัฒนารูปแบบของการจัดงานอีเว้นท์ในอนาคต ที่จะทำให้ผู้ประกอบการด้านธุรกิจอีเว้นท์นั้นได้รับคำตอบในสิ่งที่ตามหาอย่างแท้จริง
หาทางออกท่ามกลางวิกฤตจาก Offline สู่ Online
“อีเว้นท์” ได้รับผลกระทบลูกใหญ่จากการแพร่ระบาดของโควิด - 19 เป็นอันดับต้นรองจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายฝ่ายต้องคิดหาแนวทางการดำเนินงานใหม่ว่าจะผ่านพ้นวิกฤตรุนแรงในรอบ 30 ปีไปได้อย่างไร เพราะรายได้จากความร่วมมือใน Business Ecosystem (ระบบนิเวศทางธุรกิจ) หดหายไปเป็นอย่างมาก เมื่อโลก Offline ได้รับผลกระทบมากที่สุด จึงทำให้ตัวเลือกการจัดงานแบบ “Hybrid Event” นั้นกลายเป็นคำตอบสุดท้ายของการปรับตัวเข้าสู่โลก Online อย่างเลี่ยงไม่ได้
Online เข้ามาแต่ “Fear to Felt” ไม่หายไป
แม้เราจะมีการปรับตัวเข้าสู่โลก Online เพื่อทดแทนในสิ่งที่ขาดหายไปแล้ว แต่ Pain Point หลักที่ผู้ประกอบการอีเว้นท์ต่างหวาดกลัวอย่าง “Fear to Felt” นั้นยังคงอยู่ เป็นความกังวลที่มีมาตั้งแต่การจัดงานแบบ Offline ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องของปริมาณลูกค้าที่เข้ามาร่วมงาน ในการวัดผลแต่ละครั้งถือเป็น Last Mind ที่จะต้องประเมินจากหน้างานเป็นสำคัญ เพื่อดูว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นออกมาประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงแค่ไหน โดยในสถานการณ์ตอนนี้ที่ไม่สามารถจัดงานในรูปแบบ Offline ได้อย่างเต็มที่ นั้นยิ่งสร้างความกังวลใจให้แก่ผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น เพราะถึงแม้จะมีการจัดงานแบบผสมผสานความเป็น Offline และ Online เข้าด้วยกันแล้ว แต่หัวใจหลักของการบริการนั้นอยู่ที่ลูกค้า ซึ่งเกิดเป็นคำถามสำคัญที่จะต้องตอบให้ได้ว่าพวกเขามีความเชื่อมั่นที่พร้อมจะเข้าร่วมงานอีเว้นท์แล้วรึยัง ?
“การบริหารความเสี่ยง” จึงเป็นวิธีการที่จะทำให้ได้มาซึ่งคำตอบอย่างแท้จริง เพราะผู้ประกอบการจะต้อง Test ความรู้สึกของลูกค้าก่อนจัดงานอีเว้นท์ ด้วยการนำสื่อ Online เข้ามาเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวัดยอด Engagement ซึ่งเริ่มตั้งแต่การประชาสัมพันธ์งาน ตลอดจนการจัด Mini Event เพื่อเป็นตัวชี้วัดว่าลูกค้าให้ความสนใจกับงานของเรามากหรือน้อยแค่ไหน ถือเป็นการนำข้อมูลเชิงสถิติที่ได้มาเป็นตัวบ่งชี้ถึงความพร้อมของลูกค้าในการเข้าร่วมงานอีเว้นท์ที่เกิดขึ้นจริง
นอกจากนี้แล้วการนำสื่อ Online มาปรับใช้ ต้องสร้างอิมแพคให้กับความรู้สึกของลูกค้า โดยรับรู้ได้ถึงความคุ้มค่าที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง เพราะ Online ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับผู้คน แต่เป็นสิ่งเดิมที่เคยชินกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจที่มีการใช้ระบบ Online มาช่วยส่งเสริมด้านการติดต่อสื่อสารเป็นระยะเวลานานแล้ว นั่นจึงเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการที่จะออกแบบความเป็น Online ให้ออกมาในรูปแบบใด เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นถึง “Chance” หรือโอกาสใหม่ ที่เป็นหนทางในการพัฒนาธุรกิจและสามารถทดแทนค่าเสียโอกาสในการลงทุนได้อย่างสูงสุด
Design ประสบการณ์ผ่าน Hybrid Event
ข้อจำกัดด้านเวลาที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การมีส่วนร่วมผ่านโลก Offline นั้นลดน้อยลง จึงเป็นเหตุจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนดีไซน์การนำเสนอ ให้เกิดการมีประสบการณ์ร่วมกันทั้งโลกจริงและโลกเสมือนจริง เพราะเมื่อต้องจัดอีเว้นท์ท่ามกลางสังคมไร้สัมผัส ภาพจำของการพบปะกันโดยตรงนั้นต้องเปลี่ยนมาเป็นการรักษาระยะห่างแทน โดยการจัด Hybrid Event จึงเป็นทางออกสำคัญที่จะช่วยเติมเต็มและทดแทนในสิ่งที่ขาดหายไปจากโลก Offline ด้วยการนำนวัตกรรม Online มาดีไซน์การนำเสนอข้อมูลแบบ Virtual ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ที่สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการโดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการสัมผัสใด ๆ ทั้งยังจัดสรรปัญหาด้านพื้นที่และเวลาให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ด้วยการรวมงานอีเว้นท์ให้ครบจบในที่เดียว ด้วย “Virtual Expo”
การดีไซน์ “Virtual Expo” ที่สร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าได้อย่างดีที่สุด คือการทำให้โลก Offline และ Online นั้นเดินทางไปพร้อมกัน เพราะถือเป็นจุดร่วมกันระหว่างความรู้สึกเดิมที่นำเสนอผ่านแสงสีเสียง และความรู้สึกใหม่ที่ให้บริการผ่านโลกเสมือนจริงมากยิ่งขึ้น Virtual Expo จะเปิดประสบการณ์อย่างกว้างไกล ให้ลูกค้าได้พบเจอกับบริการมากมาย ผ่านข้อมูลที่ถูกรวมไว้บนโลก Online เป็นหลัก เพื่อสร้างความสะดวกสบายและความรวดเร็วให้แก่ลูกค้า เพราะแต่เดิมการเข้าถึงข้อมูลในแต่ละสินค้าหรือบริการ จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างนานกว่าลูกค้าเดินทางครบภายในงานทั้งหมด แต่ด้วยความพิเศษของโลก Online ที่ไร้ขีดจำกัดทั้งด้านเวลาและพื้นที่ ส่งผลลูกค้าสามารถเข้าถึงทุกข้อมูล และนัดหมายการพูดคุยกับผู้ประกอบได้ง่าย ๆ ผ่านแค่ปลายนิ้วเพียงเท่านั้น ซึ่งลูกค้าจะมีเวลาเหลือพอสำหรับการตัดสินใจและสามารถมีส่วนร่วมกับทุกกิจกรรมได้พร้อม ๆ กันอย่างง่ายดาย ทั้งนี้ข้อมูลทุกอย่างที่ถูกจัดเก็บไว้เป็น Big Data ยังสามารถนำมาวิเคราะห์ให้เกิดเป็น “After Show Service” ที่มอบประสบการณ์หลังจากจบงานให้ตอบโจทย์และเหมาะสมแก่ทุกกลุ่มเป้าหมาย
สุดท้ายแล้ว การที่จะก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ นั้นอาจเกิดจากความร่วมมือกันของทุกฝ่ายในอุตสาหกรรมอีเว้นท์ เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ได้สร้างโอกาสทางธุรกิจของการ “Partner” ที่ทุกฝ่ายจะร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในการพัฒนา Customer Journey เพื่อตอบสนองต่อความเป็น New Norm ของลูกค้าตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่มีสิ้นสุด
สามารถรับชมงานเสวนา "Business As Unusual - Are Virtual Events the Future?" ย้อนหลังได้ทาง https://evpss.co/0e3a5
